ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจประมวลรัษฎากร และนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
สุเทพ พงษ์พิทักษ์

เงินได้พึงประเมินกับการให้บริการในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

บทความวันที่ 2 ก.พ. 2563  .  เขียนโดย อจ.สุเทพ  .  เข้าชม 6104 ครั้ง

เงินได้พึงประเมินกับการให้บริการในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม 


         กิจการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบด้่วยการขายสินค้า และการให้บริการในราชอาณาจักรโดยผู้ประกอบการ ได้แก่ การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร ซ่งจะได้นำเฉพาะในส่วนของการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม มากล่าวแต่เพียงส่วนเดียว โดยจับประเด็นตามประเภทเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มากล่าวเพื่อความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของภาษีอากรต่างประเภทกัน ดังนี้ 

        1. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ฐ) แห่งประมวลรัษฎากร 


        2. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้

            เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงาน โดยทั่วไปเป็นเงินได้จากการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เว้นแต่ การปฏิบัติงานในฐานะกรรมการบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด กรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามที่กฎหมายกำหนด และกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยราชการ เป็นการกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นการให้บริการตามความในมาตรา 77/1 (10)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 205) เรื่อง การกำหนดการกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นการให้บริการ ตามมาตรา 77/1 (10)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

            เงินได้จากการรับทำงานให้ ทั้งในส่วนของเงินได้จากการให้บริการจ้างทำของ และเงินได้ที่เป็นบำเหน็จจากการเป็นนายหน้าตัวแทนเป็นเงินได้จากการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/1 (10)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ การให้บริการวิจัย หรือการให้บริการทางวิชาการ ทั้งนี้ ในสาขา และลักษณะการประกอบกิจการที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 12) ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ฎ) แห่งประมวลรัษฎากร


        3. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้ที่เป็นค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น  


        4. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้ที่เป็นผลได้จากทุน (Capital Gain) เป็นการกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นการให้บริการตามความในมาตรา 77/1 (10)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร เนื่องจากเป็นเงินได้จากการนำเงินไปหาประโยชน์โดยการฝากธนาคารหรือซื้อพันธบัตรหรือหลักทรัพย์ ดังนี้  

            (ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่นๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืม หรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิด ไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม

            (ข) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงิน เพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่อยู่ในบังคับ ต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว 

            (ค) เงินโบนัสที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล 

            (ง) เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกัน

            (จ) เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งจากกำไรที่ได้มาหรือเงินที่กันไว้รวมกัน 

            (ฉ) ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากัน หรือรับช่วงกัน หรือเลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน 

            (ช) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วน โอนหน่วยลงทุน หรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตรหรือตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก รวมทั้งเงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นกองทุนรวม ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน 

            (ซ) เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือหรือ ครอบครองโทเคนดิจิทัล 

            (ฌ) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคา เป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน 


        5. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้ที่เป็นเงินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจาก

            (ก) การให้เช่าทรัพย์สิน

                 สำหรับเงินได้จากการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ เป็นเงินได้จากการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร

                 สำหรับเงินได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นเงินได้จากการให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร 

            (ข) การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน

            (ค) การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้น โดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว

            ทั้งกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5)(ข) และ (ค) แห่งประมวลรัษฎากร ล้วนแต่เป็นเงินได้จากการขายทรัพย์สิน


        6. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือ วิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอิสระอื่น ซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้

            สำหรับเงินได้จากวิชาชีพอิสระ โดยทั่วไปเป็นเงินได้จากการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ การให้บริการที่เป็นการประกอบโรคศิลปะ การสอบบัญชี การว่าความ หรือการประกอบวิชาชีพอิสระอื่นตามที่อธิบดีกำหนด โดยอนุมัติรัฐมนตรี ทั้งนี้ เฉพาะวิชาชีพอิสระที่มีกฎหมายควบคุม การประกอบวิชาชีพอิสระนั้น ได้รับยกเว้นพภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1)(ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร


        7. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (7) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วน สำคัญนอกจากเครื่องมือ เป็นเงินได้จากการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร


        8. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) แล้ว

            สำหรับเงินได้จากการการธุรกิจ โดยทั่วไปเป็นเงินได้จากการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ การให้บริการในราชอาณาจักรดังต่อไปนี้ ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

            (ช) การให้บริการการศึกษาของสถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วย สถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน

            (ซ) การให้บริการที่เป็นงานทางศิลปะและวัฒนธรรมในสาขา และลักษณะการประกอบกิจการที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

            (ญ) การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล

            (ฏ) การให้บริการห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์

            (ฑ) การให้บริการจัดแข่งขันกีฬาสมัครเล่น

            (ฒ) การให้บริการของนักแสดงสาธารณะ ทั้งนี้ เฉพาะบริการในสาขาและลักษณะการประกอบกิจการตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 13) (ดู คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.120/2545)

            (ณ) การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร เว้นแต่การให้บริการตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 241) พ.ศ. 2534 ดังต่อไปนี้ เป็นกิจการที่ผู้ประกอบการมีสิทธิแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81/3 (3) แห่งประมวลรัษฎากรได้

                 1) การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักรโดยอากาศยาน

                 2) การให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อในราชอาณาจักร

                 3) การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร สำหรับการให้บริการขนส่งทางทะเลโดยเรือเดินทะเล ทั้งนี้ ให้รวมถึงการให้บริการขนส่งระหว่างทะเลกับแม่น้ำในราชอาณาจักรโดยเรือเดินทะเลด้วย

            (ด) การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งมิใช่เป็นการขนส่งโดยอากาศยาน หรือเรือเดินทะเล

            (ถ) การให้บริการของราชการส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบริการที่เป็นการพาณิชย์ของราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นการหารายได้หรือผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็น กิจการสาธารณูปโภคหรือไม่ก็ตาม

            (ท) การขายสินค้าหรือการให้บริการของกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งส่งรายรับทั้งสิ้นให้แก่รัฐโดยไม่หักรายจ่าย

            (ธ) การขายสินค้าหรือการให้บริการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนา หรือการสาธารณกุศลภายในประเทศ ซึ่งไม่นำผลกำไรไปจ่ายในทางอื่น

            (น) การขายสินค้าหรือการให้บริการตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ดังต่อไปนี้

                 “มาตรา 4  ให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการให้บริการ ดังต่อไปนี้

                      (1) การให้บริการสีข้าว

                      (2) การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศโดยอากาศยานหรือเรือเดินทะเล ที่มิได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 (3) แห่งประมวลรัษฎากร (ไม่มีผลใช้บังคับ)

                      (3) การให้บริการสื่อสารทางวิทยุเกี่ยวกับการบินระหว่างประเทศ ระหว่างสถานีพื้นดิน หรือระหว่างอากาศกับพื้นดิน และการสื่อสารวิทยุเกี่ยวกับงานอุตุนิยม ตลอดจนการบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดบริการดังกล่าว

                      (4) การให้บริการการศึกษาของสถานศึกษาที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยประกาศดังกล่าวจะกำหนดขอบเขตและเงื่อนไขอย่างใดก็ได้”

                      (5) การให้บริการขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน”

                      (6) การให้บริการของบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน”

                      (7) การให้บริการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน และกองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

                      (8) การให้บริการของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย

                      (9) การให้บริการที่ได้กระทำในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย”

                      (10) การให้บริการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้องที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

                      (11) การให้บริการรับประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย เฉพาะการให้บริการซึ่งกระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 เป็นต้นไป

                      (12) การให้บริการรับประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยของผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร เฉพาะการให้บริการแก่บรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียที่กระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 เป็นต้นไป และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร

                      (13) การให้บริการของสถาบันคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งกระทำตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป

                      (14) การให้บริการของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ และพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ

                      (15) การให้บริการของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ซึ่งกระทำตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป

                      (16) การให้บริการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน ที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต”


        กรณีบุคคลธรรมดามีเงินได้จากการให้บริการตามประเภทเงินได้พึงประเมินที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปีภาษี ผู้มีเงินได้ในฐานะผู้ประกอบการย่อมมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมุลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลรัษฎากร ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีรายได้เกินกว่าเกณฑ์ดังกล่าว 


หมายเหตุ

        บทความนี้ เกิดจาการที่ คุณ Kong Kittanut ได้ปุจฉาไปใน FB fanpage เมื่ออาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 15:22 น. ดังนี้ 

        "สวัสดีครับ อาจารย์สุเทพ ผมขอสอบถามเกี่ยวภาษีมูลค่าเพิ่ม 

        ผมเกิดข้อสงสัยว่า บุคคลธรรมดาหากรายได้จากการให้คำปรึกษาเกิน 1.8 ลบ. ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่

ผมจึงหาข้อมูลมาได้ดังนี้

        ผู้ประกอบการในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายถึง บุคคลซึ่งขายสินค้าหรือ "ให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพ" หากรายได้เกิน 1.8 ลบ ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

        ดังนั้นบุคคลที่มีรายได้จากการให้คำปรึกษาเกิน 1.8 ลบ. ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย

        คำถามของผมก็คือ อยากทราบว่า สามารถจำแนกได้หรือไม่ว่า เงินได้ตามมาตรา 40 วงเล็บใด เป็นการให้บริการที่เข้าข่ายต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

        ช่วยไขข้อสงสัยนี้ให้กระจ่ายด้วยครับ